เชื้อชาติ : เบลเยี่ยม
วันเกิด : 13 พฤษภาคม 1993
อายุ : 29 ปี
สถานที่เกิด : แอนท์เวิร์ป , เบลเยี่ยม
ตำแหน่ง : กองหน้า
สโมสร : เชลซี
ลูกากู เริ่มต้นเล่นฟุตบอลครั้งแรกกับทีมในท้องถิ่นบ้านเกิดตัวเองคือ รูเปล บูม หลังจากนั้นก็ไปอยู่กับ เลียร์เซ่ และก็ไปเป็นนักเตะอาชีพกับสโมสร อันเดอร์เลช ในปี 2006 ซึ่งขณะนั้นเขามีอายุเพียง 16 ปีเท่านั้น และก็ได้เป็นดาวยิงที่ยิงได้สูงสุดในลีกของเบลเยี่ยม ในช่วงปี 2009 – 2010 จนพาทีมคว้าแชมป์เบลเยี่ยม แชมเปี้ยนส์ชิพในที่สุด
ต่อมาในช่วงปี 2009 เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม ลูกากู ก็ได้เซ็นสัญญากับ อันเดอร์เลช โดยมีอายุสัญญา 3 ปี และหลังจากนั้น 11 วันเขาก็ได้ลงสนามในฐานะนักเตะสำรอง โดยพบกับ สตองดาร์ด ลีเอช แต่เกมนั้นก็แพ้ไป 0 – 1
หลังจากนั้น ลูกากู ก็ได้เป็นตัวหลักของทีมทันทีในช่วงปี 2009 – 2010 และสามารถยิงประตูแรกหลังจากย้ายทีมได้สำเร็จในเกมที่เจอกันกับ ซูลเต้ วาเรเกม โดยเขาถูกส่งลงมาแทนที่ คานู ในวันที่ 28 สิงหาคม ปี 2009 และเขาก็ได้รางวัลดาวยิงของโปรลีกไป จากการยิงทั้งหมด 15 ประตู
ในช่วงปี 2010 – 2011 เป็นช่วงที่สร้างชื่อให้แก่ ลูกากู อย่างมาก เพราะเขายิงไปถึง 20 ประตู แต่สุดท้ายมันก็ยังไม่พอจะพาทีมไปสู่แชมป์ สรุปเขาลงเล่นไปทั้งหมด 73 นัดและยิงไปทั้งหมด 33 ประตูให้แก่อันเดอร์เลช
ในเดือนสิงหาคม ปี 2011 ก็ได้มีข่าวออกมาว่า เชลซีจะยอมจ่ายเงินเป็นค่าตัวของ ลูกากู จำนวน 17 ล้านปอนด์ เพื่อดึงตัวมาร่วมทีม โดยมีการแบ่งจ่ายงวดแรก 10 ล้านปอนด์ ก่อนจะจ่ายเพิ่มในภายหลัง และเซ็นสัญญายาวถึง 5 ปี โดยเขาได้ลงเปิดตัวเกมแรกในนัดที่เจอกันกับ นอริช และได้ลงเป็นตัวสำรองแทน เฟอร์นานโด ตอเรส ในช่วงนาทีที่ 83 ของเกม
ต่อมานัดที่เขาได้ลงเป็นตัวจริงให้กับเชลซีเป็นเกมแรกก็มาถึง โดยได้ลงในศึก ลีกคัพ นัดที่เจอกันกับฟูแล่ม โดยเกมนี้ เชลซีสามารถชนะไปได้ในการดวลจุดโทษ ส่วนเกมแรกที่ได้ลงเป็นตัวจริงในการแข่ง พรีเมียร์ลีก ก็ตอนที่พบกับ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส หลังจากนั้น ลูกากู ก็ถูกปล่อยตัวให้ยืมหลังจากลงเล่นให้กับเชลซีได้เพียง 10 นัดและทำประตูไม่ได้เลย
เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม ปี 2012 เชลซีได้ปล่อยตัว ลูกากู ให้เวสต์บรอมวิชยืมตัวไปใช้งาน 1 ฤดูกาล โดย ลูกากู ย้ายไปเล่นได้เพียง 8 วันเท่านั้นก็ยิงประตูแรกได้สำเร็จ ในเกมที่เจอกันกับลิเวอร์พูล โดยได้ลงเป็นตัวสำรองในนาทีที่ 77 และหลังจากนั้นเขาก็ได้ลงเป็นตัวจริงในเกมที่เจอกับ เร้ดดิ้ง ซึ่งก็ทำประตูได้อีกเช่นกัน
ในช่วงที่ ลูกากู อยุ่กับเวสต์บรอมวิชนั้น เขายิงไปทั้งหมด 17 ประตูจากการลงสนาม 35 นัด ซึ่งเวสต์บรอมวิชก็อยากได้ตัวเขามาเล่นเป้นตัวจริงในทีมตัวเองแต่ก็สู้ค่าตัวไม่ไหว สุดท้าย ลูกากู ก็กลับมาสู่เชลซีดังเดิม
หลังจากที่เขากลับมายังเชลซี ก็ได้เป็นตัวสำรองในศึก ยูฟ่า ซุปเปอร์ คัพ ปี 2013 ในนัดที่เจอกันกับ บาเยิร์น มิวนิค แต่ก็แพ้การดวลจุดโทษไปซึ่งตอนนั้น ลูกากู ก็ยิงพลาดเช่นกัน
ต่อมาช่วงซัมเมอร์ ปี 2013 ลูกากู ก็ถูกเอฟเวอร์ตันยืมตัวไป 1 ฤดูกาล และหลังจากที่เขาย้ายไปและได้ลงสนามก็เปิดตัวอย่างดุดันสามารถทำประตูได้ในทันทีตั้งแต่นัดแรกที่ลงสนาม ในนัดที่เอฟเวอร์ตันเจอกับ เวสต์แฮม และก็ชนะไป 3 – 2 เมื่อตอนวันที่ 21 กันยายน ปี 2013 หลังจากนั้นถัดมาอีก 9 วัน ลูกากู ก็ซัดใส่นิวคาสเซิลไปอีกช่วยให้ชนะไป 3 – 2 สรุปรวมทั้งหมดในฤดูกาลนี้ ลูกากู ลงสนามทั้งหมด 31 นัดและยิงประตูไปได้ 15 ลูก
ต่อมาเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม ปี 2014 เอฟเวอร์ตันก็ตัดสินใจเอาตัว ลูกากู มาเข้าทีมอย่างถาวร โดยยอมจ่ายค่าตัวสูงถึง 28 ล้านปอนด์
วันที่ 13 กันยายน ปี 2014 ลูกากู ก็ยิงประตูแรกหลังจากย้ายมาอยู่เอฟเวอร์ตันได้ โดยเป็นนัดที่เจอกันกับ เวสต์บรอมวิช จากนั้นวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ปี 2015 ลูกากู ก็ยิงแฮตทริคได้ โดยเป็นนัดที่เจอกันกับ บอยส์ และชนะไป 4 – 1 ใน ศึก ยูโรป้า ลีก รอบ 32 ทีมสุดท้าย
หลังจากนั้น ลูกากู ก็ยังแสดงความสามารถออกมาเรื่อยๆ ด้วยการรักษาผลงานการยิงประตูอย่างสม่ำเสมอ จนมาถึงฤดูกาลล่าสุดเขาก็ยังเป็นตัวหน้าคนสำคัญของทีมที่ขาดไม่ได้ ในช่วงฤดูกาล 2015 – 2016 ลูกากู ก็ประเดิมด้วยการยิง 2 ประตูติดใส่เซาท์แธมตัน ช่วยให้ทีมชนะไป 3 – 0 สรุปแล้วนับตั้งแต่เซ็นสัญญากับเอฟเวอร์ตันแบบถาวรมา ลูกากู ลงสนามไปทั้งหมด 53 นัดและยิงไป 23 ประตูด้วยกัน
ในการลงเล่นระดับทีมชาติ ลูกากู เริ่มติดทีมชาติเบลเยี่ยมรุ่นอายุยังไม่เกิน 21 ปี โดยในเกมแรกที่ลงเขาก็ทำประตูได้เลยในนัดที่เจอกับสโลเวเนีย
ต่อมาวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ปี 2010 ลูกากู ก็มีชื่อติดทีมชาติเบลเยี่ยมชุดใหญ่และได้ลงเป็นเกมแรกในนัดอุ่นเครื่องกับโครเอเชีย หลังจากนั้น ลูกากู ก็ทำประตูที่ 2 ในทีมชาติได้เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน ปี 2010 ในนัดที่เจอกันกับรัสเซีย
เมื่อมาถึงเดือนพฤษภาคม ปี 2014 ลูกากู ก็มีชื่อติดทีมชาติเบลเยี่ยมไปลุยศึก เวิลด์คัพ ปี 2014 โดยวันที่ 26 พฤษภาคม ปี 2014 เขาก็ยิงแฮตทริคได้เป็นครั้งแรกหลังจากติดทีมชาติในเกมอุ่นเครื่องฟุตบอลโลกที่เจอกันกับ ลักแซมเบิร์ก
หลังจากนั้นในฟุตบอลโลก ปี 2014 ลูกากู ก็ได้ลงสนามประเดิมพบกับไนจีเรีย แต่ก็โดนเปลี่ยนตัวออกไปตอนนาทีที่ 58 และในเกมที่เจอกับสหรัฐอเมริการอบ 16 นาทีสุดท้าย ลูกากู ก็ถูกส่งตัวลงมาเล่นในฐานะของตัวสำรอง และก็ยิงประตูแรกได้ในศึกฟุตบอลโลก ในนัดนี้ซึ่งเบลเยี่ยมชนะไป 2 – 1 สรุปแล้ว ลูกากู ลงสนามทั้งหมด 42 เกมและยิงไปได้ 11 ประตู
ในปี 2021 โรเมลู ลูกากู รีเทิร์นสู่สแตมฟอร์ด บริดจ์อีกครั้ง หลังผ่านไปหนึ่งทศวรรษ จากที่เขาย้ายร่วมทีมเชลซีเป็นครั้งแรก ระหว่างปี 2011 จนถึง 2014 ด้วยสัญญา 5 ปี กับค่าตัวเกือบ 100 ล้านยูโร ที่เชลซีจ่ายให้กับอินเตอร์ มิลาน สโมสรก่อนหน้า