เชื้อชาติ : โปแลนด์
วันเกิด : 21 สิงหาคม 1988
อายุ : 33 ปี
สถานที่เกิด : วอร์ซอว์ , โปแลนด์
ตำแหน่ง : กองหน้า
สโมสร : บาเยิร์น มิวนิค
เลวานดอฟสกี้ เริ่มต้นเล่นฟุตบอลอาชีพในปี 2006 – 2007 โดยเล่นให้กับทีม ซินซ์ พรัสซ์โกว์ ซึ่งเป็นทีมที่อยู่ในลีก 3 ของโปแลนด์ ซึ่งเขาก็เป็นหนึงในคนสำคัญของทีมที่ช่วยพาทีมเชื่อนชั้นได้สำเร็จ หลังจากที่เขายิงไป 15 ประตูในฤดูกาลนั้น ต่อมาในดิวิชั่น 2 ของโปแลนด์ เลวานดอฟสกี้ ก็ได้ดาวซัลโวด้วยการยิงไปทั้งหมด 21 ลูกด้วยกัน
เลวานดอฟสกี้ โชว์ฟอร์มออกมาได้ดีมาก จน เลช พอซแนน เข้ามาคว้าตัวเขาไปร่วมทีม โดยค่าตัวอยู่ที่ 1.5 ล้านยูโร ช่วงเดือนกรกฎาคม ปี 2008 เลวานดอฟสกี้ ได้โอกาสลงสนามเป็นครั้งแรกหลังจากย้ายมาทีมใหม่ แต่ก็ไปในฐานะตัวสำรองในเกมการแข่ง ยูโรป้า ลีก ที่พบกันกับ คาซาร์ เลนโคเรน ทีมจากอาเซอร์ไบจัน ส่วนประตแรกที่เขายิงได้นั่นก็คือในนัดที่พบกับ เบลชาโตว์ หลังจากฤดูกาลแรกของเขาในลีกสูงสุดของโปแลนด์ เลวานดอฟสกี้ ได้รางวัลดาวซัลโวอีกครั้งหลังจากที่เขายิงไปทั้งหมด 18 ประตู ช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ลีกมาได้สำเร็จ โดยในช่วงที่เขาอยู่กับ เลช พอซแนน นั้น เขาลงแข่งทั้งหมด 58 นัดและยิงไป 32 ประตู
ช่วงเดือน มิถุนายน ปี 2010 เลวานดอฟสกี้ ก็ถูกคว้าตัวไปอยู่กับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุน เพื่อลุย บุนเดสลีก้า ด้วยค่าตัว 4.5 ล้านยูโร โดยมีอายุสัญญา 4 ปี และ เลวานดอฟสกี้ ก็ทำประตูแรกหลังจากย้ายทีมมาได้เมื่อวันที่ 19 กันยายน ปี 2010 ในเกมที่เจอกันกับ ชาร์ลเก้ 04 ไป 3 – 1
ช่วงฤดูกาล 2011 – 2012 เลวานดอฟสกี้ ได้รับบาดเจ็บ จึงทำให้นักเตะคนอื่นต้องมารับหน้าที่เป็นนักเตะตัวจริงแทนเขา และ เลวานดอฟสกี้ ต้องพักรักษาตัวไปอยู่นาน จนกระทั่งวันที่ 20 สิงหาคม ปี 2011 ลวานดอฟสกี้ ก็ได้กลับมาเล่นอีกครั้งและทำประตูได้อีกครั้ง หลังจากนั้น ในเดือนตุลาคมปีเดียวกัน เลวานดอฟสกี้ ก็ยิงแอตทริคได้สำเร็จในนัดที่เจอกันกับ เอาส์บวร์ก 4 – 0
ในช่วงฤดูกาล 2012 – 2013 เลวานดอฟสกี้ ได้มีโอกาสลงเล่นในแชมป์เปี่ยนลีก พบกับอาแจ๊กซ์ และเลวานก็ซัดไป 1 ประตู ช่วยให้ทีมชนะไป 1 – 0 หลังจากนั้นเขาก็ทำสถิติทำประตูได้ยาวนานที่สุดของสโมสร โดยติดต่อยาวนานถึง 12 นัด
แต่ที่สุดยอดกว่านั้นคือเขาทำสถิติเป็นนักเตะคนแรกที่ยิงได้ 4 ประตูในรอบรองชนะเลิศของแชมป์เปี้ยนส์ลีก และที่เจ๋งกว่านั้นคือ 4 ประตูนี้ยิงใส่ทีมที่ยิ่งใหญ่มากของโลกทีมหนึ่งอย่าง เรอัล มาดริด ช่วยให้ทีมชนะไป 4 – 1 เมื่อวันที่ 24 เมษายน ปี 2013 แต่สุดท้ายก็ไปไม่ถึงฝันเมื่อต้องแพ้ให้กับเยอรมัน 1 – 2
ช่วงฤดูกาล 2013 -2014 เลวานดอฟสกี้ ได้คว้าตำแหน่งดาวซัลโวของบุนเดสลีก้ามาครอบครอง ด้วยการซัดไปทั้งหมด 20 ประตู
ในช่วงเดือนพฤศจิกายน ปี 2013 เลวานดอฟสกี้ ได้ตกลงสัญญาล่วงหน้ากับบาเยิน์นมิวนิคล่วงหน้าหลังจากที่เขาใกล้จะหมดสัญญากับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุน โดยเกมสุดท้ายของ เลวานดอฟสกี้ ในทีมนี้คือเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม ปี 2014 ที่พบกับทีมที่เขาจะไปเข้าร่วมด้วยนั่นคือบาเยิร์น มิวนิค นั่นเองซึ่งในนัดนั้น เลวานดอฟสกี้ ได้รับบาดเจ็บอยู่ แต่ก็ยืนยันจะลงเล่นให้ได้จนลงเล่นได้ครบ 120 นาที แต่ผลก็คือแพ้ไป 0 – 2
เลวานดอฟสกี้ เล่นให้กับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุน ไป 131 นัด ยิงไป 74 ประตู
ต่อมา 3 มกราคม ปี 2014 เลวานดอฟสกี้ ก็ได้เซ็นสัญญากับ บาเยิร์น มิวนิค อย่างเป็นทางการ โดยมีอายุสัญญา 5 ปี และเริ่มเป็นนักเตะให้กับบาเยิร์น ในวันที่ 9 เดือนกรกฎาคม ปี 2014 ซึ่งในช่วงปรีซีซั่น เลวานดอฟสกี้ สามารถทำประตูได้อย่างต่อเนื่อง จนมาในการแข่ง เยอรมัน ซุปเปอร์คัพ วันที่ 13 สิงหาคม ปี 2014 เลวานดอฟสกี้ ได้มีโอกาสเจอทีมเก่าของเขาอย่าง ดอร์ทมุนด์ แต่ก็แพ้ไป 2 – 0
ประตูแรกของ เลวานดอฟสกี้ ในการแข่งกับทีมใหม่ของเขาได้เมื่อตอนที่ไปแข่งกับชาร์ลเก้ 04 และก็เสมอไป 1 – 1 จนมาถึงวันที่ 4 เมษายน ปี 2015 เลวานดอฟสกี้ ได้เจอกับทีมเก่าของตัวเองอย่าง ดอร์ทมุนด์อีกครั้ง และกดประตูให้ทีมตัวเองชนะไป 1 – 0
สำหรับ เลวานดอฟสกี วัย 33 ปี ยิงไปแล้วกว่า 339 ประตู กับอีก 69 แอสซิสต์ จากการลงเล่น 367 นัด รวมทุกรายการ นับตั้งแต่ย้ายมาจาก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เมื่อปี 2014 ส่วนฤดูกาลนี้กดไปแล้ว 45 ประตู กับอีก 4 แอสซิสต์ จากการลงเล่น 38 นัดรวมทุกรายการ และเหลือสัญญากับทีมถึงเพียงแค่เดือนมิถุนายนปี 2023 นี้เท่านั้น