อารูน่า โคเน่ – Arouna Kone
โคเน่ เริ่มต้นอาชีพค้าแข้งของเขากับพีเอสวีในช่วงปี 2007 – 2008 แต่เนื่องจากมีปัญหาในเรื่องของเวลาที่เขากลับไปซ้อมปรีซีซั่นกับทีมช้ากว่ากำหนดอันมีผลมาจากเพราะวันหยุดในประเทศเขา ทำให้เขาพลาดช่วงเวลาเตรียมทีมสำหรับฤดูกาลใหม่ และต่อมาเขายังเป็นไข้มาลาเรียอีกในช่วงสิ้นเดือนกรกฎาคม ปี 2007 ต่อมาในเดือนสิงหาคมก็ได้ประกาศว่ากลับมาซ้อมกับทีมได้แล้ว
ในช่วงปี 2007 วันที่ 30 สิงหาคม มีรายงานว่า โคเน่ ได้รับความสนใจจากมิดเดิ้ลสโบรช์ แต่เซบีญ่าก็แย่งไปในที่สุดโดยเซ็นสัญญาค่าตัว 12 ล้านยูโร และได้ลงประเดิมสนามครั้งแรกเมื่อวันที่ 16 กันยายน โดยได้ลงแทนเฟรเดอริก กานูเต้ ในช่วงครึ่งหลังในนัดที่เจอกับอูเอลบ้า และก็ชนะไป 4 – 1 หลังจากนั้นไปอีก 9 วันเขาก็ทำระตูแรกหลังจากย้ายมาได้สำเร็จ ช่วยให้ทีมตีเสมอได้ในที่สุดหลังจากโดนเอสปันยอล นำไปก่อน 0 – 2 แต่สุดท้ายก็แพ้คาบ้านไป 2 – 3 และในวันที่ 2 ตุลาคม เขาก็ทำประตูแรกในยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ ลีกได้สำเร็จ ในเกมที่ชนะสลาเวีย ปรากไป 4 – 2 หลังจากที่ลงสนามไปได้เพียง 10 นาที หลังจากนั้น โคเน่ ก็เจอเรื่องร้ายต่างๆ มากมาย ทั้งบาดเจ็บ ฟอร์มตก หลุดทีมชาติ ในที่สุดเขาก็ถูกปล่อยตัวให้ฮันโนเวอร์ 96 ยืมตัวไปในปี 2010 จนจบซีซั่น
หลังจากนั้นในปี 2010 – 2011 เขาก็ได้ลงเล่นเพียงครั้งเดียว และนาทีเดียวเท่านั้นให้กับเซบีญ่าในเกมที่เจอกันกับบียาร์เรอัล และสุดท้ายก็ถูกปล่อยตัวยืมอีกครั้งให้กับเลบานเต้ ซึ่งก็ได้ลงตัวจริงบ่อย และทำประตูแรกได้เมื่อวันที่ 18 กันยายน ปี 2011 ในเกมที่เปิดบ้านรับเรอัล มาดริด และก็เฉือนชนะไป 1 – 0
ช่วงวันที่ 14 สิงหาคม ปี 2012 โคเน่ ก็ได้เซ็นสัญญาย้ายไปวีแกนโดยมีอายุสัญญา 3 ปี ด้วยค่าตัว 3.5 ล้านปอนด์ และทำประตูแรกในลีกได้ในเกมที่พบกันกับเซาท์แฮมตันและก็ชนะไปได้ 2 – 0 หลังจากนั้นในช่วงท้ายฤดูกาลเขาก็ได้ลง 90 นาทีเต็ม แต่ไม่กี่วันต่อมาวีแกนก็ตกชั้นไปในที่สุดเพราะแพ้ให้แก่อาร์เซนอลในเกมสุดท้ายของฤดูกาลไป 1 – 4
เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม ปี 2013 เอฟเวอร์ตันได้ออกมายืนยันว่าได้ โคเน่ ไปร่วมเล่นในทีมด้วยสัญญา 3 ปีแบบไม่เปิดเผยค่าตัว และได้ลงเล่นนัดแรกเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม ปี 2013 โดยได้ลงสนามในนาทีที่ 81 ในนัดที่เจอกับนอริช ซิตี้ และก็เสมอกันไป 2 – 2 แต่เขาก็โชคร้ายเพราะได้รับบากเจ็บที่บริเวณหัวเข่าในช่วงเดือนตุลาคม สุดท้ายก็ไม่ได้ลงสนามเลยทั้งฤดูกาล และก็ได้กลับมาลงเล่นอีกครั้งช่วงวันที่ 24 ธันวาคม ปี 2014 และยิงประตูแรกหลังจากกลับมาได้สำเร็จ แต่ก็แพ้ให้กับนิวคาสเซิลไป 2 – 3
ในเกมเปิดฤดูกาลปี 2015 – 2016 โคเน่ ได้ลุกออกจากม้านั่งสำรองไปช่วยให้ทีมได้เสมอกับวัตฟอร์ด 2 – 2 หลังจากนั้นก็มีฟอร์มที่ดีเรื่อยตลอดมา ไม่ว่าจะช่วยให้ทีมเอาชนะเซาท์แฮมตันไป 3 – 0 เอาชนะเชลซีไป 3 – 1 และ โคเน่ ก็ยิงแฮทริกได้ในนัดที่เจอกับซันเดอร์แลนด์ไป 6 – 2 เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน ปี 2015
โคเน่ ได้ลงเล่นให้กับทีมชาติของไอวอรี่ โคสต์ในชุด u20 ในการแข่งฟุตบอลโลกระดับเยาวชนในปี 2013 ซึ่ง โคเน่ ก็จัดไป 3 ประตู ถึงทีมจะตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย แต่ในเว็บของฟีฟ่าก็ได้ทำการประกาศออกมาว่า โคเน่ คือหัวใจสำคัญอย่างมากในการทำเกมรุกของทีม และยังระบุว่าเขาคือนักเตะที่แข็งแกร่งมาก สามารถเล่นลูกกลางอากาศได้ทั้งยังมีทักษะการควบคุมลูกที่ดี
ต่อมา โคเน่ ได้รับการคัดเลือกให้ติดทีมชาติชุดใหญ่ในศึกลุยบอลโลกช่วงปี 2006 ที่เยอรมัน และได้ลงเล่นนัดแรกที่เจอกันกับอาร์เจนติน่าแต่ก็แพ้ไป 1 – 2 โดย โคเน่ ได้ลงสนามโดยเปลี่ยนตัวลงแทนเคเดอร์ เคอิต้า และได้ลงเป็นตัวจริงในอีกสองเกมที่เหลือ แต่ก็ทำประตูไม่ได้เลย สุดท้ายทีมชาติของเขาก็ไปไม่ถึงรอบสุดท้ายในที่สุด หลังจากนั้นเขาก็หายไปจากทีมชาติ 4 ปีเนื่องจากมีอาการบาดเจ็บ และฟอร์มก็ตก และเขาก็ถูกเรียกตัวเข้าทีมชาติอีกครั้งในปี 2012 และมีชื่อติดทีมไปเล่นที่แอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ ปี 2013 เพราะโชว์ฟอร์มออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม