
กอล์ฟ อีกหนึ่งกีฬาที่มีความเป็นมาอย่างยาวนาน เป็นกีฬาสากลที่กำเนิดมาตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 18 จนถึงปัจจุบันก็มีการแข่งขันกันตลอด สอดคล้องกับ SBOBET ที่เปิดให้เหล่าแฟนกอล์ฟได้ร่วมสนุกในการวางเดิมพันกอล์ฟออนไลน์ รวมทั้งคนที่ไม่ใช่แฟนกอล์ฟหรือไม่รู้กติกาก็สามารถแทงได้เช่นกัน เพราะถือว่าเป็นกีฬาที่แทงง่ายที่สุดอีกหนึ่งกีฬา เพียงทายผู้ชนะเท่านั้น
สำหรับกีฬากอล์ฟ นอกจากนักกอล์ฟแล้ว หลายๆ คนมองว่าเป็นกีฬาคนรวย กีฬาเฉพาะกลุ่ม เช่นกลุ่มนักธุรกิจ กลุ่มไฮโซ เนื่องจากอุปกรณ์ ไม้กอล์ฟมีราคาที่สูง รวมทั้งการที่จะเล่นกอล์ฟแต่ละครั้ง ก็ต้องไปเล่นที่สนามเท่านั้น ซึ่งราคาในการเช่าสนามก็แพงเช่นกัน คนส่วนใหญ่จึงไม่ค่อยรู้กติกา หรือวิธีการนับคะแนนกอล์ฟนัก โดยในวันนี้ SBOBET จะมาแนะนำวิธีแทงกอล์ฟออนไลน์รวมทั้งกติกาเบื้องต้น การนับคะแนนแบบเข้าใจง่ายๆ ในการเล่นกอล์ฟ
วิธีแทงกอล์ฟออนไลน์ SBOBET

- login เข้าระบบ SBOBET หากยังไม่มี User สมัครสมาชิก >> Click

- เมื่อเข้าสู่ระบบ SBOBET แล้วให้เข้ามาที่หน้ากีฬา จากนั้นเลือกไปที่เมนู “กอล์ฟ”

- สำหรับการเดิมพันกอล์ฟ ทางเว็บ SBOBET จะทำการจับคู่การแข่งขัน ที่ออกรอบในเวลาเดียวกันมาประกบคู่กัน โดยมีแต้มต่อแฮนดิแคพเหมือนกับการแทงบอล
- ให้เลือกคู่ที่ต้องการจะแทง จากนั้นก็เลือกวางเดิมพัน “ทีมเจ้าบ้าน” หรือ “ทีมผู้มาเยือน”

- ระบุจำนวนเงินเดิมพัน จากนั้นกดปุ่ม “วางพนัน”
กติกาการเดิมพันกอล์ฟออนไลน์
- การเดิมพันทัวร์นาเมนต์ หากมีนักแข่งถอนตัว บิลการเดิมพันนั้นจะถูกยกเลิกทันที
- หากการแข่งขันถูกยกเลิกอย่างเป็นทางการ บิลการเดิมพันนั้นจะถูกยกเลิกทันที
- เมื่อมีการมอบรางวัลการแข่งขันทัวร์นาเมนต์นั้นแล้ว ถือว่าจบการแข่งขันนั้น
- สำหรับการวางเดิมพันที่วางไปแล้ว แล้วการแข่งขันนั้นไม่จบเกม หรือเกิดปัญหาใดๆ บิลเดิมพันนั้นจะเป็นโมฆะทันที
- ผู้เล่นที่ถูกตัดรายชื่อออกจากการแข่งขันจะถือว่าแพ้ทันที จะไม่มีการโมฆะการเดิมพันใดๆ
- การเดิมพันแบบ 72 หลุม ผู้ชนะการเดิมพันจะถูกตัดสินจากจำนวนหลุม และตามด้วยผู้ที่ทำคะแนนดีที่สุด
- ผู้ชนะสองคนที่มีคะแนนเท่ากัน เงินรางวัลจะถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน
- ผู้ชนะสามคนที่มีคะแนนเท่ากัน เงินรางวัลจะถูกแบ่งออกเป็นสามส่วน
- หากการแข่งขันครั้งนั้นมีการเลื่อนออกไปเกิน 48 ชั่วโมง บิลการเดิมพันนั้นจะถือว่ายกเลิกทันที
การนับคะแนนในการแข่งขันกอล์ฟ
ในการตีกอล์ฟเราจะเรียกว่าจำนวนครั้งที่ตีออกไปว่า สโตรค (Stroke) และในแต่ละหลุดจะมีการกำหนดจำนวนครั้งที่ตี เรียกว่า พาร์(Par) ที่พิจารณาจากความยากง่ายของหลุมนั้นๆ เช่น
- หลุมที่เป็นพาร์ 3 (Par 3) มีความยาวประมาณ 150-200 หลา ถ้าผู้เล่นตีลูกลงหลุมในจำนวนตี 3 ครั้ง ก็เท่ากับว่าตีได้เท่ากับแต้มมาตรฐานของหลุมนี้ เรียกว่าทำพาร์ได้
- หลุมที่เป็นพาร์ 4 (Par 4) มีความยาวประมาณ 300-400 หลา ถ้าผู้เล่นตีลูกลงหลุมในจำนวนตี 4 ครั้ง ก็เท่ากับว่าตีได้เท่ากับแต้มมาตรฐานของหลุมนี้ เรียกว่าทำพาร์ได้
- หลุมที่เป็นพาร์ 5 (Par 5) มีความยาวมากกว่า 500 หลาขึ้นไป ถ้าผู้เล่นตีลูกลงหลุมในจำนวนตี 5 ครั้ง ก็เท่ากับว่าตีได้เท่ากับแต้มมาตรฐานของหลุมนี้ เรียกว่าทำพาร์ได้
ศัพท์ที่มักได้ยินในกีฬากอล์ฟ เช่น อีเกิ้ล (Eagle), เบอร์ดี้ (Birdie), โบกี้ (Bogey) หรือดับเบิ้ลโบกี้ (Double Bogey) เป็นต้น ซึ่งคำเหล่านี้จะเรียกแทนคะแนนที่ทำได้ในแต่ละช็อตของการเล่นในหลุมนั้นๆ ดังนี้
- เบอร์ดี้ (Birdie) จะเรียกเมื่อเวลานักกอล์ฟตีได้ต่ำกว่าแต้มมาตรฐานของแต่ละหลุม (พาร์) ไป 1 สโตรค อย่างเช่นพาร์ 4 เราตีเพียง 3 ครั้งลงหลุม
- อีเกิ้ล (Eagle) จะเรียกเมื่อเวลานักกอล์ฟตีได้ต่ำกว่าแต้มมาตรฐานของแต่ละหลุม (พาร์) ไป 2 สโตรค ซึ่งมักจะเห็นได้บ่อยในหลุมพาร์ 5 เช่นพาร์ 5 แต่เราตี 3 ครั้งลงหลุม
- อัลบาทรอส (Albatross) จะเรียกเมื่อเวลานักกอล์ฟตีได้ต่ำกว่าแต้มมาตรฐานของแต่ละหลุม (พาร์) ไป 3 สโตรค
- โบกี้ (Bogey) จะเรียกเมื่อเวลานักกอล์ฟตีเกินกว่าแต้มมาตรฐานของแต่ละหลุม (พาร์) ไป 1 สโตรค เช่นพาร์ 4 แต่เราตี 5 ครั้งลงหลุม
- ดับเบิ้ลโบกี้ (Double Bogey) จะเรียกเมื่อเวลานักกอล์ฟตีเกินกว่าแต้มมาตรฐานของแต่ละหลุม (พาร์) ไป 2 สโตรค เช่นพาร์ 4 แต่เราตี 6 ครั้งลงหลุม
- โฮลอินวัน (Hole in one) การตีเพียงครั้งเดียวแล้วลงหลุมเลย